ถูกต้องแต่อาจไม่ถูกใจ
วันนี้มาคุยเรื่อง การฟังเสียงพระเจ้า ผมใช้คำว่า ฟังเสียงพระเจ้า ท่านจะไม่เดินผิดเส้นทาง เพราะมีบางเรื่องที่พระเจ้าอยากทำแต่ เราไม่อยากทำ เช่น เปาโลอยากประกาศกับคนยิว ตายเพื่อยิว เเต่พระเจ้าใช้ท่านไปประกาศกับคนต่างชาติ จึงให้ชาวมาซิโดเนียมาเข้าฝัน เปาโล ให้ท่านไปประกาศกับชาวมาซิโดเนีย(ต่างชาติ) แต่เปรโตรอยากประกาศกับต่างชาติ แต่พระเจ้ากลับให้ท่าน ไปประกาศกับคนยิว นั่นแหละคือ ที่มาของการฟังเสียง และการเชื่อฟังเสียงของพระเจ้า
เพื่อเราจะได้ ไม่เสียเวลา กับเรื่องบางเรื่อง ที่ดูเล็กๆน้อยๆแต่ ทำให้เราเสียเวลาทั้งชีวิต เราอาจคิดว่าเราไม่ได้ทำเรื่องที่ผิด แต่เราก็ไม่ได้ทำสิ่งที่ถูก ในสิ่งที่พระเจ้าต้องการ กำหนด ให้เราทำเหมือน จอห์น แม็คเว็ล เคยยกตัวอย่างนักปีนเขา บางคนว่า เขาได้ไปถึงยอดเขา และปักธงเพื่อแสดงชัยชนะที่มาถึงยอดเขาสำเร็จแต่ปรากฏว่า เป็นภูเขาของคนอื่น ไม่ใช่ลูกที่ตัวเองต้องปีน ครับ
คงต้องกลับลงมาใหม่และ เริ่มต้นใหม่หมดทั้งช้า และเสียเวลาเสียกำลัง
พระเจ้าตรัสผ่านทางร่างกายของเราได้
เราต้องเข้าใจก่อนว่า เราเป็นวิหารของพระเจ้า พระองค์ เป็นที่สถิตของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์ ทรงใช้ ตาหูจมูก ปาก ความคิด ความรู้สืก ในการสื่อสารกับเรา เพื่อคุยกับเรา และใช้อวัยวะทั้งหมดติดต่อ ให้เราเข้าใจพระองค์ ผมจะยกตัวอย่างง่ายๆ เช่นท่านมีปัญหา แล้วมีใจอยากอธิษฐาน นั่นแหละเป็นสิ่งที่พระเจ้าใส่ในใจท่านให้ติดต่อกับพระองค์ หรือ ท่านเห็นสิ่งผิดกฏหมายในมือท่าน พระเจ้าก็จะใส่ความรู้สึกผิดให้แก่ท่าน เป็นการบอกว่า สิ่งนั้นไม่ดี หรือ เสียงที่ยิงเข้ามา ในสมอง ความคิดในใจ หรือ หลับตาแล้วเห็นภาพบาง อย่าง เหล่านี้คล้าย กับการรับ การสื่อสารจากพระเจ้า และ พระเจ้าก็จะทรง สำแดง ให้ท่านเข้าใจ ตามกำลังความเชื่อของท่าน
พระองค์รู้ว่า จะสำแดงระดับไหน เพื่อสมดุลย์กับความเชื่อ ของท่าน ครับ อย่าคิดมาก หรือถ้าไม่เข้าใจจริงๆถาม ผู้ไหญ่ฝ่ายวิญญาณ ที่มีประสบการณณืในคริสตจักร หรือ ศิษยาภิบาลของท่าน ซึ่งผมได้เขียน ไว้ในบทความ เรื่อง การเผยวจนะ ในเรื่อง คนห้ากลุ่มในการเผยวจนะ เพราะเป็นเรื่องคล้ายกันกับฟังเสียง คือ พระเจ้า สำผัส ตรัส กับเรา เพราะเราเป็นวิหารของพระองค์ การรับ (ทางร่างกาย)ที่พระเจ้าจะสื่อสารด้วย เช่น เสียง สั้นๆที่ยิงเข้ามา ในใจ หรือ สมอง หรือ ความรู้สึกลุ่มร้อน หรือ ปิติยินดีในใจ หรือ ภาพ ล่งๆหรือชัดๆขณะ อธิษฐาน หรืออื่นๆจะพูดต่อในบทอื่นๆ
สรุปได้ว่า พระเจ้าใช้ทุกอย่างในร่างกาย สื่อสารกับเรา เช่น ความ รู้สึก ภาระในใจ จิตใต้สำนึก ความเข้าใจ ในความคิด หรือสติปัญญาที่มาจากพระองค์ คือ การมองเห็น ผ่านความคิด เพราะเราเป็นวิหารของพระเจ่ พระองค์ก็ต้องใช้ร่ากายจองเราเองแหละครับ (1โครินธ์ 3:16-17 ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่าท่านเป็นวิหารของพระเจ้า และพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในท่าน ถ้าผู้ใดทำลายวิหารของพระเจ้า พระเจ้าจะทรงทำลายผู้นั้น เพราะวิหารของพระเจ้าเป็นที่บริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ และท่านทั้งหลายเป็นวิหารนั้น)
แต่อย่างไรก็ตาม แม้ท่านฟังเสียงพระเจ้าแล้ว ก็ต้องการการรับรอง ดีที่สุดคือต้องผ่านพระคัมภีร์ครับ
เมื่อไม่มีพระคัมภีร์ก็เพี้ยนได้
ท่านรู้ไหมว่า พระคัมภีร์ มี 1,200 บท 13,000 ข้อ เป็นพระสัญญาของพระเจ้าที่ให้กับมนุษย์ ประมาณ 8,000 ข้อดังนั้น พระคัมภีร์ไม่ใช่หนังสือประวัติศาสตร์ที่อ่านเพลิดเพลินหรือคิดในแง่ปรัชญาความรู้เท่านั้น เพราะพระคัมภีร์มีทั้งเรื่องที่ดี และไม่ดี เพื่อเป็นแบบอย่างให้แก่คริสเตียนในการปฏิบัติตาม และหัวใจทั้งหมดของพระคัมภีร์ คือ พระเยซูคริสต์ มาไถ่มนุษย์ทั้งโลกให้พ้นจากความบาป และพระองค์ต้องการสื่อสาร สอน แนะนำเรา ในการดำเนินชีวิตแต่ละวัน โดยผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่สถิตอยู่ภายในเรา
สรุปได้ก็คือ พระคัมภีร์ กับพระวิญญาณ พระวิญญาณในเรา นำข้อความของพระคัมภีร์ ไบเบิ้ล มาตรัสกับเรา และสอนถึงวิธีการดำเนินชีวิตคริสเตียน ให้ทำสิ่งที่พระเจ้าประสงค์และควรหลีกเลี่ยง
ดังนั้น พระคัมภีร์จึง เป็นหนังสือที่นำความเป็นระบบระเบียบเรียบร้อยมาสู่สังคม ตอบสนองความต้องการพื้น ฐานของมนุษย์ (ฉธบ.6:24) สอนถึงความประพฤติ (1ทธ.1:18-19, 2ทธ.1:14-22)
ท่าน อย่าหยิบยกเฉพาะข้อที่เราชอบเท่านั้น อย่าอ่านแบบอ่านในเชิงอ้างอิง แต่คาดหวังให้พระเจ้าตรัส เวลาอ่าน เพราะเป็นพระวาทะ และพระวาทะคือคำพูดในพระคัมภีร์ ก็คือ พระเยซูคริสต์เอง
หรือบางคน เชื่อแค่บางข้อและ อ้างว่าหมดสมัย เป็นนิยาย โบราณ บางคนเวลาอ่านแล้วมัก ตีความหมายตามใจชอบด้วยตนเอง และหากไม่สอดคล้องกับตอนอื่น บริบท หรือสอดคล้องกับประเพณี, วัฒนธรรม, จิตสำนึก (เหตุนี้เอง ทำให้เกิดลัทธิเทียมเท็จ) และอย่าอ่านในลักษณะคาถา อาคม ทวงสั่งพระสัญญาจากพระเจ้า
วิธีการฟังเสียงพระเจ้า ผ่านพระคัมภีร์ ง่ายๆครับ ทุกวันที่ท่าน อ่านพระคัมภีร์ ให้สังเกตุ ถ้อยคำที่ประทับใจ หรือทิ่มแทงในใจ หรือรบกวนในสมองหรือ วกวน ชวนคิดหรือ รบกวนเราทั้งวัน ในการอ่านพระคัมภีร์ตอนนั้น ยังไม่พอเมื่อเราออกจากการอ่านพระคัมภีร์ เรายังได้ พบแต่ประโยคๆ หรือ เจอคำพูด ในทำนอง นั้นแล้ว เราก็เจอคำพูดที่เหมือนกันด้วย ผ่านหนังสือพิมพ์ สติกเกอร์หลังรถ หรือคำพูดซ้ำใน ทำนองนั้น หลุดออกจากปาก ญาติ เพื่อนที่ทำงานของเรา ครับ นั่นแหละ วันนั้น พระองค์ตรัสกับท่านผ่าน สถานการ์ณ ทั้งวันเลย
ด้วยเหตุนี้เอง ผมอยากไห้ท่านอ่านพระคัมภีร์ เป็นระบบ และบันทึก เริ่มจากเล่มที่ท่านอยากอ่านก่อนนะครับ จะได้สนุกและตื่นเต้น อย่าอ่านแบบสเปะสปะ วันนั้นนิดหนึ่ง วันนี้นิดหนึ่ง ไม่ต่อเนื่อง ไม่เป็นเรื่องเดียวกัน เรื่องนี้ไห้ถามผู้นำคริสตจักรของท่านครับ
พระเจ้าสามารถใช้ สถานะการณ์ มากมาย ในการ ตักเตือน และพูดกับเรา
เราต้องเชื่ออย่างหนึ่งว่า พระองค์ ทรงอัศจรรย์ และรักเรา ครั้งหนึ่งในพระคัมภีร์เดิม มีผู้นำท่านหนึ่ง ชื่อ บาลาอัม พระเจ้าตรัสจากเสียงพระองค์ หลายครั้ง ห้ามไม่ไห้ท่าน สาปแช่งชนชาติอิสราเอล แต่ท่านยังดื้อ สุดท้ายพระเจ้าทรงเปิดปากลา ให้พูดภาษามนุษย์ได้ เพื่อไม่ให้นำท่านเดินทางไปทำผิดอีก ครับนี่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่เราต้อเชื่อว่า พระเจ้าทรงใช้ทุกสถานะการณ์ ในการตรัส พูดกับเราได้ การให้คำปรึกษาจาก พี่เลี้ยง หรือผู้ไหญ่ฝ่ายวิญญาณ ผ่านคำเทศนา การเรียน ถ้อยคำจากรอบข้าง แม้กระทั่ง คำเผยวจนะ จากผู้ที่มีความชำนาญครับ
การตรัสอีกทางจากเสียงของพระเจ้า คือ เสียงของ คนรอบข้าง จาก ถ้อยคำ ของ พ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนร่วมงาน ลูก ที่เราอาจคิดไม่ถึง หรือ เราอาจพบ คำพูด หรือ เหตุการณ์ ซ้ำๆ
ทุกวันพระเจ้าต้องการคุยกับเรา
ทุกวัน การดำเนินชีวิตที่ปกติพระเจ้าทรงสอนเราจากสิ่งที่ทำด้วยเช่นกัน
ผมไปออกกำลังกายประจำครับ สิ่งหนึ่งที่พระเจ้าสอนผม จากการออกกำลังกายคือ ความเจ็บ ปวดของร่างกาย มันยิ่งทำให้เราแข็งแรง ทำไมละ เพราะวันแรกที่ผมเริ่มออกกำลังกาย มันปวดตามร่างกาย เพราะรู้สึกมันถูกยืดตัว หลังจากที่อยู่อย่างสบายเหมือนเดิมมาตลอด จนผมมาออกกำลังกายสม่ำเสมอ เทรนเนอร์ก็เพิ่มน้ำหนักของ เครื่องเล่นออกกำลังกาย ให้มีน้ำหนักๆขึ่นตามลำดับ ร่างกายก็เริ่มเจ็บปวด หลังจากฝึกเสร็จผมกลับบ้าน พร้อมความเจ็บปวดใหม่อีกแล้ว แต่ไม่มากเท่าครั้งแรกที่เล่น แต่ผมรู้อย่างหนึ่งว่า เดี๋ยวนี้ร่างกายผมแข็งแรง และ มีกล้ามเนื้อใหม่เกิดขึ้น อีกทั้ง ผมนอนหลับสบาย
ผมเพิ่งมาสังเกตว่า เดี๋ยวนี้ผมสามารถยกน้ำหนักได้ ในเครื่องที่เคยยกไม่ได้ในอดีต ก็ยังงงว่า ผมทำได้อย่างไร อีกทั้ง ทำไห้ผมอดทนขึ้น มันก็เหมือน ชีวิตของเรา ที่ต้องปล้ำสู้ หรืออดทน ต่อปัญหาบางอย่าง เมื่อเรา ต่อสู้อดทน ฝืนมันได้ ต่อไป เราก็จะสู้อดทนเรื่องที่หนักกว่าได้ และไม่เจ็บปวดเท่าครั้งแรกๆ
นี่ก็เป็นเรื่องหนึ่ง ขณะที่ผมพิจราณาและอธิษฐานส่วนตัว ในบทเรียนการออกกำลังกายครับ ดังนั้น การออกกำลังกายเป็นประจำ การมีวินัยฝ่ายวิญญาณก็จะทำให้ท่านเจริญเติบโตขึ่นได้เช่นกัน
ทางนิมิตรเกิดขึ่นยามตื่น และรู้สึกตัว เช่น ภาพขณะหลับตา หรือ เปิดตา หรือ ขณะนอนหลับ ที่เตือนเรา
ทำไมบางคนพระเจ้าตรัสผ่านความฝันไม่ได้
ด้วยเหตุนี้เมื่อท่านอธิษฐาน ควรมีเวลาทีนิ่ง สงบ รอฟังเสียงของพระเจ้า และรับการสำแดงจากพระองค์
ส่วนการฟังเสียงพระเจ้าผ่าน ทางความฝัน คือ เมื่อเรานอนหลับ พระเจ้าตรัสกับเรา ขณะนอน หลับ เมื่อนั้น ท่านจะไม่รู้สึกตัวแต่จิตใต้สำนึกของท่านทำงาน เพราะเป็นไปได้ ขณะจิตสำนึกท่านทำงาน ยามตื่น ท่านอาจยุ่ง คิดมาก ไม่มีเวลา ฟังเสียง หรือ วุ่นวายมากมาย พระเจ้าจึงต้องรอท่านหลับสนิทก่อนครับ แล้วมาคุย มาสอนท่าน แต่เราต้องเข้าใจก่อนว่า ไม่ใช่ทุกฝันมาจากพระเจ้า เป็นไปได้ ที่ทุกคนฝันทุกคน แต่บางฝัน มาจากพระเจ้า ขอให้สังเกตุและบันทีก ค่อยเรียน ต่อไป เพราะบางคน ฝันเฟื่อง เพราะแรงปราถนา ก็ไม่ใช่แล้วครับ
ในพระคัมภีร์ พระเจ้า ตรัสผ่านความฝันบ่อยมาก เช่น ตรัสกับฟาโร์ห์ โยเซพ ดาเนียล เราก็ควรสังเกตดู หากฝันนั้นไม่ดีก็อธิษฐาน ปกป้อง ตัดความสัมพันธิ์ ประกาศยกเลิก พวกเราต่างกับความเชื่ออื่น เพราะพวกเรารับความฝันเพื่อแก้ไขครับหากว่าเป็นลบ แต่ถ้าเป็นบวกก็เก็บไว้ในใจ และขอพระเจ้าทรงนำต่อไป
พูดถึงเรื่อง ฝัน บางคน ก่อนนอน ดูหนังจีนฆ่าฟัน กัน หนังฝรั่ง ที่มีภาพ ไม่สมควรหรือ ก่อนนอนฟังเพลง ที่พูดถึงเริ่อง ความเจ็บปวด ทุกอย่างมันฝังในสมองของเรา ครับ อยากหนุนใจให้ก่อนนอน ลองฟัง เพลง คริสเตียน บรรเลง หรือเพลงอีกประเภทหนึ่ง คือเพลงที่แช่ในการทรงสถิต
สำหรับผมได้แนะนำหลายคน เหมือนตอนเด็กๆ ก่อนนอน คุณพ่อ คุณแม่ จะกล่อมเรา เอ เอ้ นอนซะลูก แม่รักลูกนะ (แปลกส่วนใหญ่ไม่เคยได้ยินพ่อพูด) ผมอยากแนะนำซีดีชุดหนึ่ง ซึ่งเป็นซีดีทางศูนย์พันธกิจแม่น้ำ(RMC) ได้ ทำขึ่นมา เป็นภาษาไทย ที่เป็นเพลงบรรเลงเบาๆ และมีเสียง พูดจากหัวใจพระบิดา กล่อมเรา รักเรา ชื่อ ซีดี จดหมายรักจากพ่อ มีทั้งไทยอังกฤษ หรือชื่อ Soking(แปลว่า แช่ในการทรงสถิต เป็นสำนวนนะครับ)เอา คำพูดดีๆเพลงดีๆ ที่พระเจ้าพูดกล่อมเราดีกว่า
รักษาความคิดจิตสำนึกให้ดี
การฟังเสียงพระเจ้า ผ่านทาง การสื่อสารจากพระเจ้า ถึง ร่างกายของท่าน เช่น พระเจ้าตรัส โดยมีถ้อยคำยิงเข้ามาในใจ หรือ ในสมองความคิดของท่าน แต่ต้องใช้ พระวจนะเปรียบเทียบ และจิตสำนึกผิดชอบ อีกทั้งเสียงนั้นต้องไม่ขัดต่อพระลักษณะของพระเจ้า และจริยธรรม
อีกทางหนึ่ง คือ ความรู้สึก ผิดชอบ ที่อึดอัด ในใจ ก็เพราะเราเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์ รู้สึกอย่างไรก็จะใช้ ร่างกายท่านในการสื่อสารกับพระองค์ เช่น มีคนขโมยของมาฝากท่าน ท่านอาจถามพระเจ้าว่า ควรรับหรือไม่ แน่นอน ความรู้สึกผิดชอบ ไม่สบายใจ อึดอัดปั่นป่วน ที่หน้าท้อง ความทุกข์ร้อนใจ ก็จะปรากฏ ในใจท่าน นี่เอง
อีกทางหนึ่งคือ คือ ทุกครั้งที่ท่านอธิษฐาน จะมีการ ร้องเพลง นมัสการ ขอบคุณพระเจ้า แต่ละครั้ง ควร มีการ นั่งนิ่งๆฟังเสียงพระองค์ บางครั้งก็ใช้เวลานานหน่อยกว่าพระเจ้าจะครัส เพราะ ทรงอยากอยู่กับท่านนานๆ ไม่อยากให้ท่าน มาเพื่อขอประโยชน์ส่วนตัว แต่ไม่สนใจพระเจ้าเลย บางครั้งพระองค์ก็ตอบไว แต่เวลาที่เงียบ ฟังเสียงเป็นสิ่งสำคัญมาก ผมจะยกตัวอย่างสักเรื่อง ขณะที่เรียนปีสุดท้าย ผมได้ทุนไปอบรม สัมนาต่างประเทศช่วงสั้นๆ แต่เนื่องจากเป็นนักศึกษาอยู่เลยไม่มีเงินทำหนังสือเดินทาง หรือ ค่าใช้จ่าย แต่ผู้ให้ทุน ค่าสัมนา ได้จองที่พัก และ ค่าลงทะเบียน เรียบร้อยแล้ว (น่าเสียวใส้นะครับ ให้กันแบบนี้ โดยผมไม่รู้ตัวมาก่อน) เข้าจัดการเสร็จแล้วมาบอกผม แต่อย่างไรต้องขอบคุณท่านนี้ และพระเจ้าที่ให้โอกาสผม ในขณะนั้น ผมอธิษฐาน นั่งฟังเสียงพระเจ้า รอคำตอบว่า ควรจะไปหรือ ปฏิเสธ หากไป ก็ไม่มีเงิน หากปฎิเสธก็ จะเสียน้ำใจ ผมอธิษฐานและฟังเสียงพระเจ้า เงียบๆ วันที่สอง พระเจ้าตรัส คำพูดสั้นๆผมมั่นใจมาก เราจะเซ้นท์นะครับ ว่า ไป เพราะเราทำบ่อยๆ จากนั้นผมลงมาทานข้าว เพราะอยู่หอพัก ปรากฎว่า มีอาจารย์ท่านหนึ่ง เอาเงินไห้ผม ก้อนหนึ่ง ทันใดนั้นผมทานข้าวเสร็จเดินทางไปทำหนังสือเดินทางทันทีครับ ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ อยากจะเล่า และท้าทายให้ท่านมีเวลาฟังเสียงพระเจ้า ทุกวัน ในเรื่อง ที่ท่านสามาถตัดสินใจได้
การแก้ไขสำหรับผู้ไม่มีสมาธิ หรือฟังเสียงไม่ได้ และทำไม่เป็น
มั่นใจได้อย่างไรว่าเป็นเสียงของพระเจ้า
พระวิญญาณบริสุทธิ์ จะใช้เสียงเราเอง คุยกับเรา เพราะเราเป็นวิหารของพระองค์ และเสียงนั้น จะไม่ใช่เป็นเสียงแปลกๆ ที่ไม่ใช่เสียงเรา ในการสื่อในความคิด หรือเสียงในใจ หรือในวิญญาณครับ เสียงพระเจ้า จะเป็นเสียงพูด ประโยคสั้น หรือยาว ที่รวมกัน ความรู้สึกของเราที่รู้สึกตัว หากท่านได้ยินเสียงที่ แปลกๆไม่เสริมสร้าง ช่วยให้กลับใจ หรือชูใจ ก็ต้องคิดใหม่ละครับ หรือ ว่าปรึกษาผู้นำฝ่ายวิญญาณ ของท่าน
เสียงที่ไม่ได้มาจากพระเจ้า จะนำไปสู่เนื้อหนัง การทำความทำบาป ข่มขู่ กดดัน ไม่ใช่ความรักและการหวังดี หรือ นำการเยียวยา รักษา อีกทั้ง ไม่มีพระคำสนับสนุน ในบริบทนั้นๆเลย คือไม่ใช่น้ำพระทัยพระเจ้า ผิดพระลักษณะอันบริสุทธ์ของพระองค์ แต่อย่างไรก็อย่าท้อแท้ เพราะ การฟังเสียงพระเจ้า ผิดบ่อยๆ ก็ช่ วยให้เรา ฟังถูกได้ เพราะต่อไปเราจะได้รู้ว่าเสียงแบบนี้(ที่ผิด) ไม่ใช่ แน่นอน
การไม่ได้ยินเสียงพระเจ้า
หากเรามีความบาป เราจะได้ยินเสียงของพระเจ้าหรือไม่
ได้ยินครับ เพราะเมื่ออาดัมและเอวา ทำบาป เขาสองคนก็ได้ยินเสียงของพระเจ้า ที่เรียกตรัส ตามหาตัวเขา และเขาก็ตอบพระองค์ได้เช่นกัน ความบาป ทำไห้เราได้ยินเสียงพระเจ้าได้อยู่ ในขณะเดียวกัน แม้เรา ทำบาป พระเจ้าก็ยังตรัส กับเรา แต่เพราะความบาป พระเจ้าจะไม่ตอบคำอธิษฐานของเราก็ได้
ยังมีอีกหลาย ปัจจัย หากเราไม่ได้ยินเสียงของพระเจ้า ก็เพราะ ความบาป ไม่ยกโทษ ขมขื่น หรือเปรียบเสมือน คลื่นวิทยุชุมชุน คลื่นแทรก คลื่นวิทยุปกติ คือ เสียงเพลง ภาพยนต์ ความคิดมากมาย ที่แทรกเข้ามาในการสงบรอคอยการฟังเสียงพระเจ้า เมื่อเราอ่าน ฟัง คิดอะไรมาก เรื่องเหล่านั้นก็เข้ามารบกวนจิตวิญญาณของเราได้ครับ
จำเป็นมากที่ระบบความคิดของเรา ไม่ได้รับการชำระ เพราะเราหมกมุ่นกับบางสิ่งมากเกินไป จนปิดจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ และธรรมชาติเนื้อหนัง ปิดบังตาใจของเราจนสิ้น ความไม่เชื่อก็เกี่ยวข้อง เพราะการไม่เชื่อฟัง ดื้อ ดึง ของเรา จนเสียงพระเจ้าไม่มีความสำคัญไปเลย 1คร14:4 คนมีวิญฯจิตอ่อนแอ ไม่ได้รับการเสริมสร้าง ให้แข้มแข็งก็ไม่สามารถฟังเสียงของพระเจ้าได้เต็มที่ครับ ด้วยเหตนี้เอง ใน ยูดา1:20 จงสร้าง ตัว และอธิษฐานภาษาแปลกๆตัวตนข้างใน เพราะหาก ตัวตนข้างในอ่อนแอ(ผมหมายถึงชีวิตภายใน หรือจิตวิญญาณ) ไม่ได้เสริมสร้าง เราก็จะไม่ได้ยินเสียงพระเจ้าชัด เพราะ จิตวิญญาณ ส่วนการรับรู้ การสัมผัสการตรัส จากพระเจ้าหลับ ควรรับการบำบัดเยียวยา รอปลุกให้ตื่นครับ (เรื่องนี้ท่านอ่านได้ในหัวข้อ Slumbering Spirit, ของ John Sandford/Elijah House)
สมาธิ จิตใจมั่นคง จดจ่อ เป็นสิ่งหนึ่งที่เราๆขาดกัน
บางคน ไม่ถึงห้านาที ความคิด จิตใจ สมองเตลิดไปไหนไม่รู้ บางคน ไม่รู้จะอธิษฐาน อย่างไร ผมอยากแนะนำ ให้ท่านลองฝึกกับเทป ซึ่ง ผมเคยไปสอน เรื่องการนมัสการส่วนตัวและ ฟังเสียงพระเจ้า ภาคปฎิบัติ ได้ บันทึกไว้ หากท่านต้องการก็ ติดต่อ ทางRMC ชื่อ ซีดี ฝึก อธิษฐาน ส่วนตัว โดยท่านฟัง ทำตามซีดี จนเชี่ยวชาญก็เลิกใช้ ได้ครับ